ท่ามกลางสภาวะการโดนแบนจากตลาดนักเตะถึงสองตลาดของสโมสรสิงโตน้ำเงินครามเชลซี ทำให้พวกเขาไม่สามารถซื้อผู้เล่นระดับโลกเข้ามาร่วมทีมได้ แต่ในวิกฤติกลับมีโอกาสแฝงอยู่ เมื่อมันกลายเป็นโอกาสให้สโมสรแห่งนี้ ที่ไม่ค่อยจะให้โอกาสดาวรุ่งเท่าไรนัก ได้ผลักดันดาวรุ่งเด็กปั้นในทีมขึ้นมาใช้งานพร้อม ๆ กันหลายคน และคนที่โดดเด่นเป็นสง่าที่สุด และก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้กับทีมได้อย่างเต็มภาคภูมิ คือเด็กหนุ่มจากพอร์ทสมัธ วัย 21 ปี ผู้มีนามว่า “เมสัน เมาท์”
เมสัน โทนี่ เมาท์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 1999 ที่พอร์ทสมัธ ตำแหน่งที่เจ้าตัวถนัดคือ กองกลางตัวรุก เมสันก้าวเข้ามาร่วมอคาเดมี่ของสิงโตน้ำเงินคราม ตั้งแต่มีอายุได้เพียง 6 ขวบเท่านั้น ท่ามกลางการทักท้วงของพ่อของเขาซึ่งเป็นเหมือนโค้ชฟุตบอลส่วนตัวของเขาเองด้วย อันเนื่องมาจากชื่อเสียงด้านลบของอคาเดมี่เชลซี ว่าด้วยเรื่องของการให้โอกาสเด็กจากทีมเยาวชนน้อยเหลือเกิน เพราะเจ้าของทีมอย่างเสี่ยหมี เน้นหนักไปทางการทุ่มเงินเพื่อดึงดาวดังมาร่วมทีมซะมากกว่า แต่เขาก็มุ่งมั่นที่จะมาพิสูจน์ตัวเองที่เชลซี หลังจากฝึกฝนฝีเท้ากับทีมเยาวชนนานถึง 12 ปี แต่ในทีมชุดใหญ่ยังมีผู้เล่นชื่อดังขวางทางอยู่ ในตำแหน่งตัวจริง ทำให้เจ้าหนูเมสันต้องออกไปหาประสบการณ์การลงสนามกับทีมอื่น และเขาถูกส่งไปหาประสบการณ์กับวิเทส ในลีกฮอลแลนด์ ซึ่งเมื่อเขาได้โอกาสเขาก็จัดการปล่อยของทันที 1 ปีที่เขาอยู่กับวิเทส เมสันลงเล่นไป 39 นัด กดไป 14 ประตู ในตำแหน่งที่ไม่ใช่กองหน้า ถึงกับได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของวิเทสเลย
จากผลงานเกินอายุของเขากับวิเทส ทำให้ฤดูกาลต่อมา อดีตรุ่นพี่ที่เป็นฮีโร่ ในวัยเด็กของเขา อย่างแฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ได้เข้ารับงานคุมทีมแกะเขาเหล็กดาร์บี้ เคาน์ตี้ สนใจที่จะดึงตัวเขาไปร่วมทีมเพื่อช่วยงานที่ดาร์บี้ และปลุกปั้นเขาต่อ เมื่อได้รับการติดต่อจากรุ่นพี่ เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะย้ายไปอยู่กับแลมพาร์ดอีกหนึ่งฤดูกาล ซึ่งนอกจากแลมพาร์ดแล้วที่ดาร์บี้เขายังมีโอกาสได้ลงเล่นร่วมกับ แอชลี่ย์ โคล อดีตแบ็คซ้ายเชลซีรุ่นพี่อีกคนด้วย และที่ดาร์บี้เขาได้รับโอกาสลงสนาม ถึง 44 นัด ยิงไป 11 ประตู และได้รับคำแนะนำมากมายจากอดีตรุ่นพี่ที่เล่นในตำแหน่งเดียวกัน แถมมีสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย และเหมือนบทละครนี้จะถูกเขียนมาเพื่อให้เขาเป็นนักแสดงนำโดยเฉพาะ เมื่อฤดูกาลต่อมา รุ่นพี่ที่ดึงเขาไปร่วมทีมอย่างแลมพาร์ด ได้รับงานคุมทีมเชลซี ดังนั้นกับผู้เล่นที่รู้มือกันดีอยู่แล้วและปลุกปั้นมาตลอดหนึ่งปีเต็มอย่างเมสัน ก็ได้รับการต่อสัญญาและดันขึ้นสู่ชุดใหญ่อย่างเต็มตัว รวมถึงการโดนแบนจากตลาดของทีม และการจากไปของเอเดน อาซาร์ ทำให้การยึดตำแหน่งตัวจริงของเขาง่ายขึ้นอีกระดับหนึ่ง ยิ่งเมื่อบวกกับความสามารถส่วนตัวแล้ว ตอนนี้เขาจึงกลายมาเป็นตัวหลักของเชลซี และทำผลงานยิงไป 6 ลูกจาก 41 นัด และบอกได้เลยว่า อนาคตของเขายังไปได้อีกไกล
ตลอดเส้นทางที่เขาเดินทางมาจนถึงจุดนี้ นอกจากพรสวรรค์ทางด้านฟุตบอลแล้ว ความมุ่งมั่น การไม่หยุดเรียนรู้จากรุ่นพี่ของเขา ทำให้เขามีพัฒนาการทางลูกหนังที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นไปในทางที่ถูกต้อง จากเด็กที่เข้ามาร่วมทีมเยาวชนเพื่อตามความฝัน และได้แต่ไล่ขอถ่ายรูปกับรุ่นพี่ในทีมที่เขาพบเจอ จนตอนนี้เขาได้ก้าวขึ้นมายืนอยู่ในจุดเดียวกันกับเหล่าไอดอลของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจากนี้ไปจะเป็นเรื่องราวการสร้างเรื่องราวบทใหม่ ที่เป็นเรื่องราวของตัวเขาเองกับอนาคตของสโมสรเชลซี ที่แฟน ๆ ต่างตั้งตารอชื่นชมด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความหวัง
เครดิตภาพ : https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1640861