ฟุตบอล

อัจฉริยะที่ถูกมองข้าม เมซุท โอซิลกับฤดูกาลที่ไม่มีชื่อลงแข่งพรีเมียร์ลีก

นับเป็นเรื่องที่สร้างความตื่นตะลึงอย่างมากสำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกรวมไปถึงแฟน ๆ ฟุตบอลจากทั่วโลกที่ได้ยินข่าวนี้ นั่นก็คือการที่กุนซือคนใหม่ของไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลอย่างมิเกล อาร์เตต้าได้ประกาศรายชื่อขุนพลของเขาที่จะใช้ในการสู้ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษฤดูกาล 2020-2021 นี้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยโดยที่ไม่มีรายชื่อของจอมทัพระดับโลกชาวเยอรมันอย่างเมซุท โอซิล ซึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้มันทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของฝีเท้าของโอซิลที่ถูกมองข้ามไปแทนที่จะได้ใช้ประโยชน์ของเขาในสนาม และยังมีค่าเหนื่อยมหาศาลที่พวกเขายังคงต้องจ่ายให้กับโอซิลอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้งานเขาก็ตามรวมไปถึงเรื่องอนาคตของเขากับทีมว่าจะอยู่หรือไปอีกด้วย เมซุท โอซิลนั้นนับเป็นแข้งระดับโลกคนหนึ่งที่ผ่านความสำเร็จมาอย่างมากมายทั้งแชมป์ลาลีกากับเรอัล มาดริดและยังสามารถก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติเยอรมันได้อีกด้วย และมันเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อยที่ทางบอร์ดบริหารของอาร์เซน่อลที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความขี้งกที่สุด จะยอมให้อาร์แซน เวนเกอร์กุนซือของทีมในขณะนั้นซื้อเขามาจากราชันชุดขาวโดยมีค่าตัวสูงถึง 50 ล้านยูโร แต่เขาก็ใช้เวลาไม่นานในการที่พิสูจน์ว่าเงินที่จ่ายค่าตัวของเขาไปนั้นมันคุ้มค่าเพียงใด และด้วยความสามารถระดับที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะลูกหนังคนหนึ่งของวงการ มันก็ทำให้เขากลายเป็นที่รักของแฟนบอลเดอะกันเนอร์สได้อย่างง่ายดาย เรื่องราวของโอซิลกับอาร์เซน่อลมันเหมือนกับว่าจะสวยงามและโรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะเมื่อเขาได้รับสัญญาฉบับใหม่ที่ได้ค่าเหนื่อยสูงถึงสามแสนห้าหมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ มันยิ่งทำให้ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะไม่ทิ้งทีมไปไหนและอยู่ไปจนกลายเป็นตำนานสโมสรอย่างแน่นอน แต่เรื่องราวก็วกเข้ามาสู่จุดแตกหักจนได้ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องในสนามหรือค่าเหนื่อยแต่อย่างใดเลย แต่กลับกลายเป็นเรื่องศาสนาและการเมืองต่างหากที่เข้ามาสร้างรอยร้าวนี้ เริ่มต้นจากการที่เจ้าตัวไปถ่ายรูปคู่กับผู้นำเผด็จการชาวตุรกีซึ่งเป็นที่เกลียดชังของบ้านเกิดเขาอย่างเยอรมัน จนทำให้เขาเป็นถูกแอนตี้จากแฟนบอลประเทศตัวเองจนทำให้เขาเลือกที่จะอำลาทีมชาติไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้สำหรับแฟนบอลอาร์เซน่อลก็ยังคงพอรับได้ถึงแม้จะมีส่วนที่ไม่พอใจอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้รอยร้าวนั้นขยายใหญ่ขึ้นก็คือการที่เขาไปโพสต์โจมตีประเทศจีนในเรื่องการปฏิบัติต่อชาวมุสลิมอุยกูที่เขาถือว่าเป็นเพื่อนมุสลิมของเขาอย่างรุนแรง และมันทำให้ทางการจีนไม่พอใจอย่างมากและตัดสินใจแบนเขาอย่างจริงจัง ซึ่งทำให้ทางสโมสรอาร์เซน่อลเองก็ไม่สามารถที่จะช่วยปกป้องเขาได้ เพราะถึงอย่างไรประเทศจีนก็เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ถ้าหากกระแสการแอนตี้ลุกลามจากตัวนักเตะมาถึงระดับสโมสรแล้วละก็มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่ ๆ มันจึงกลายมาเป็นสาเหตุให้เกิดสถานการณ์ดังเช่นที่เป็นอยู่นี้ในที่สุด นับจากนี้ไปยังไม่มีความชัดเจนใด ๆ สำหรับอนาคตของเขากับทีม เขาอาจจะเลือกรับเงินฟรี ๆ ไปจนหมดสัญญาแล้วแยกย้าย หรือทางสโมสรจะขอยกเลิกสัญญาโดยการจ่ายเงินชดเชย หรือจะมีทีมไหนที่มีเงินพอจะจ่ายระดับสามแสนห้าต่อสัปดาห์ได้มารับช่วงไปใช้งานต่อ แถมทีมนั้นยังต้องเสี่ยงโดนแบนจากคนจีนทั้งประเทศอีกด้วย ดูแล้วไม่ว่าจะทางใดงานนี้อาร์เซน่อลมีแต่เสียกับเสีย ส่วนแฟนบอลอย่างเราก็คงจะเสียดายที่ไม่ได้เห็นการเล่นของนักเตะระดับโลกอย่างโอซิลไปอีกอย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งฤดูกาลอย่างแน่นอน

ฟุตบอล

โธมัส ปาร์เตย์ ว่ากันว่า เขานี่แหละคือวิเอร่าคนต่อไป

ก่อนที่ตลาดนักเตะจะปิดลงไปไม่นานทางสโมสรไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลได้ทำเรื่องบิ๊กเซอร์ไพรส์ให้เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลอย่างมาก มากชนิดที่ว่ามันไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเซอร์ไพรส์แฟนบอลทั่วโลกเท่านั้น แม้แต่ตัวผู้จัดการทีมตราหมี แอตเลติโก มาดริด อย่างดีเอโก ซิเมโอเน่ เองก็ยังงงเป็นไก่ตาแตกที่อยู่ ๆ เขาก็เสียกองกลางคนสำคัญของทีมไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เล่นเอากุนซือชาวอาร์เจนติน่าหัวร้อนเลยทีเดียว เรื่องเซอร์ไพรส์ที่ว่าก็คือการที่อาร์เซน่อลแอบย่องเงียบไปจ่ายเงินค่าฉีกสัญญาของกองกลางชาวกาน่า อย่างโธมัส ปาร์เตย์แบบไม่มีการขอต่อรองราคาใด ๆ ให้เป็นข่าวเลยนั่นเอง ซึ่งค่าตัวของปาร์เตย์ที่ทางปืนโตยอมจ่ายนั้นก็สูงถึงราว 50 ล้านยูโรเลยทีเดียว และการที่บอร์ดจอมงกของอาร์เซน่อลยอมจ่ายเงินสูงขนาดนี้โดยไม่เกี่ยงงอนหรือต่อรองใด ๆ นั้นมันย่อมเป็นการการันตีได้ว่านักเตะคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน โธมัส ปาร์เตย์นั้นเริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลบนแผ่นดินยุโรปในศูนย์ฝึกเยาวชนของทีมตราหมีเลย หลังจากที่เขาบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศบ้านเกิดในวัย 19 ปี และเขาก็ฉายแววดีมาตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่กับทีมเพียงแต่ว่าการที่เขายังไม่สามารถก้าวขึ้นมาชุดใหญ่ได้นั้นเป็นเพราะว่า ในขณะนั้นทีมตราหมีมีกองกลางรุ่นพี่ฝีเท้าดีขวางอยู่เต็มไปหมด ทำให้เขาต้องหาประสบการณ์การลงสนามด้วยวิธีปล่อยให้มายอร์ก้าและอัลเมเรียยืมตัวไปใช้งานทีมละหนึ่งฤดูกาล ซึ่งผลงานในการเล่นกับทีมยืมตัวมันก็แสดงให้เห็นว่าเขามีดีพอที่จะกลับมาเป็นทีมชุดใหญ่ของแอตเลติโก มาดริด หลังจากกลับมาอยู่กับต้นสังกัดเขาก็ได้รับโอกาสลงสนามมากพอสมควร แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนได้เสียที ถูกโยกไปเล่นตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้บ้างบนแผงมิดฟิลด์ จนกระทั่งทีมได้เสียโรดรี้กองกลางตัวรับคนสำคัญไปให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปี 2019 ที่ผ่านมา ทำให้เขาถูกขยับลงไปเล่นกลางรับแทนและทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของทีมตราหมีในฤดูกาลที่ผ่านมา และฉายแววโดดเด่นจนเข้าตามิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลในที่สุด หลังจากที่เขาได้ลงสนามให้กับทีมใหม่ได้ไม่นานก็ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับคำชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะมีการยกเขาขึ้นไปเปรียบเทียบกับปาทริค วิเอร่า กัปตันทีมระดับตำนานของเดอะ กันเนอร์สเลยทีเดียว ซึ่งหากมองจากคุณสมบัติที่ตัวเขามีก็นับว่าน่าจะไม่ใช่การกล่าวชมเกินจริงนัก เริ่มจากการที่เขามีร่างกายที่แข่งแกร่งกับความสูงถึง 185 ทำให้เขาได้เปรียบคู่แข่งอย่างมากในเวลาที่ต้องเข้าปะทะ แถมยังมีการอ่านเกมและเข้าปะทะที่ฉลาดอีกด้วย และถึงแม้จะเป็นผู้เล่นตัวรับแต่การครองบอลและคุมเกมในแดนกลางของเขา รวมไปถึงการจ่ายบอลอย่างแม่นยำทั้งบอลสั้นและบอลยาวยังช่วยทีมให้ได้เปรียบในการเล่นเกมรุกอีกด้วย ตอนนี้โธมัส ปาร์เตย์นั้นมีอายุ 27 ปี…

Continue Reading