ฟุตบอล

พอล สโคลส์ ผู้เป็นสุดยอดกองกลาง ในสายตาเหล่าสุดยอดกองกลาง

ครั้งหนึ่งมีนักข่าวถามซีเนดีน ซีดานว่ารู้สึกยังไงกับการเป็นกองกลางที่ดีที่สุดในโลก เขากลับตอบนักข่าวไปว่า “ผมไม่รู้หรอก คุณต้องไปถามพอล สโคลส์เอาเอง”

เมื่อกล่าวถึง “พอล สโคลส์” มักจะได้ยินผู้คนกล่าวถึงในลักษณะคำชื่นชมเสมอ จนทำให้ใครหลายคนบอกว่าเขาถูกอวยเกินกว่าสิ่งที่เขาเป็น แต่สำหรับเหล่ายอดกองกลางระดับโลกร่วมยุคเดียวกันกับเขา ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือกองกลางที่ดีที่สุดที่เคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นซีดาน, ดาวิดส์, โรนัลดินโญ่ หรือแม้แต่คู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันมาอย่างยาวนานอย่างปาทริค วิเอร่าของไอ้ปืนโต โดยเฉพาะบรรดากองกลางเวิร์ลด์คลาสจากรั้ว ลามาเซียยิ่งแล้วไปใหญ่ เพราะถึงแม้ว่านักข่าวจะเอาเขาไปเปรียบว่าเป็น อันเดรส อิเนียสต้าแห่งเกาะอังกฤษ แต่ในทางกลับกันทั้งซาบี้, อิเนียสต้าหรือแม้กระทั่งลีโอเนล เมสซี่ ยังยกย่องว่าเขานี่แหละคือกองกลางที่นักเตะในลามาเซียใช้เป็นต้นแบบในการเล่น

ไม่ว่าใครจะมองและมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับชายผู้นี้ สำหรับแฟนบอลปีศาจแดงแล้วเขาคือกองกลางผู้สร้างประวัติศาสตร์สโมสรในระดับที่สามารถเรียกว่าเป็นตำนานได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ซึ่งนอกจากฝีเท้าและผลงานในสนามแล้ว เขายังมีความจงรักภักดีต่อสโมสรเพียงแห่งเดียว คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง

จุดเริ่มต้นของเด็กชายตัวเล็กที่ชื่อพอล สโคลส์

พอล สโคลส์ เข้ามาสู่ความเป็นปีศาจแดงด้วยการเข้าร่วมทดสอบฝีเท้าตั้งแต่อายุเพียงแค่ 13 ปี ซึ่งเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันยอมรับเองเลยว่า ครั้งแรกที่เห็นเด็กคนนั้นเขายังคิดเลยว่าเจ้าหนูสโคลส์ตัวเล็กเกินกว่าที่จะเล่นฟุตบอลได้ แต่ทันทีที่เขาได้ลงไปเล่นกับลูกบอลในสนามความคิดเหล่านั้นก็เปลี่ยนไป และชื่อของเด็กคนนั้นก็ได้ผ่านการทดสอบเข้าสู่ศุนย์ฝึกเยาวชนของทีม

เขาใช้เวลาในศูนย์ฝึกเยาวชนของปีศาจแดงหกปีด้วยกัน ก่อนที่จะถูกผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในวัย 19 ปี พร้อมเพื่อนร่วมรุ่น “คลาส ออฟ 92” ที่โด่งดังของยูไนเต็ด และนับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็กลายเป็นหัวใจในผงมิดฟิลด์ผีแดง ในยุครุ่งเรืองของท่านเจ้าพระยาเฟอร์กูสันตลอดมา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหนที่ได้รับมอบหมายเขาก็ทำให้นายใหญ่พอใจได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคู่มิดฟิลด์ตัวกลางกับกัปตันพันธุ์โหดอย่าง “รอย คีน” หรือการถูกดันขึ้นไปเล่นหน้าต่ำในแผน 4-5-1 เขาก็ไม่เคยทำให้นายใหญ่ผิดหวัง ถึงแม้ว่าตัวของเขาจะเล็กไปหน่อยแต่เขาก็ชดเชยมันด้วยการทุ่มเท และการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมทั้งบอลสั้นและบอลยาว สร้างความไหลลื่นให้กับแดนกลางผีแดงได้อย่างดี แถมยังมีทีเด็ดจากการทำประตูได้ทั้งระยะใกล้และไกลอีกด้วย

สิ่งที่จารึกชื่อของ พอล สโคลส์ ในฐานะตำนานกองกลางผีแดง

ตลอดเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลของพอล สโคลส์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสำเร็จส่วนตัวใด ๆ มากเกินไปกว่าผู้เล่นยอดเยี่ยมอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น และไม่ได้โดดเด่นโด่งดังเหมือนเพื่อนร่วมทีมอย่าง “เดวิด เบ็คแฮม” นั่นก็เพราะความที่มีลักษณะนิสัยเรียบง่ายพูดน้อย และไม่ชอบทำตัวโดดเด่นตามหน้าสื่อนั่นเอง แต่หากเป็นการลงสนามละทำงานอย่างหนักเพื่อผลงานที่ดีของทีมแล้ว เขาไม่เคยลดความทุ่มเทของตัวเองลงแม้สักครั้งเดียว ดังนั้นความสำเร็จของชีวิตนักฟุตบอลของเขาส่วนใหญ่จึงเป็นความสำเร็จที่ได้มาพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมซะมากกว่า

โดยตลอดระยะเวลา 19 ปีที่เขาอยู่กับสโมสร (ประกาศเลิกเล่นไปครั้งหนึ่ง ก่อนกลับมาช่วยท่านเซอร์อีกหนึ่งฤดูกาล) เขาลงเล่นมากที่สุดเป็นสถิติอันดับสามตลอดกาลของสโมสร ที่ 718 นัด รองจากไรอัน กิ๊กส์และบ็อบบี้ ชาร์ลตัน ซึ่งจำนวนการลงสนามทั้งหมดของเขานั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในยุครุ่งเรืองของปีศาจแดง และเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทั้งสิ้น นั่นจึงทำให้ความสำเร็จในรูปแบบของถ้วยรางวัลมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยตลอดเส้นทางอาชีพเขาคว้าถ้วยรางวัลมาทั้งหมดคือ พรีเมียร์ลีก 11 สมัย เอฟเอคัพ 3 สมัย ลีกคัพ 2 สมัย แชริตี้ ชิลด์ 5 สมัย ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 2 สมัย และแชมป์สโมสรโลกอีก 2 สมัย ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้มันมากเพียงพอที่จะทำให้เขา ถูกยกขึ้นไปเป็นหนึ่งในตำนานของโรงละครแห่งความฝัน ซึ่งยากนักที่จะมีนักเตะรุ่นหลังก้าวขึ้นถึงสถิติระดับนั้นได้

และนี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ใช้สองเท้าในและผลงานในสนามตอบโต้เสียงวิจารณ์แทนคำพูด และสร้างตำนานบนเส้นทางอาชีพในแบบของตัวเขาเอง และกลายเป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมอาชีพ และแฟนบอลทั่วโลกซึ่งจะจดจำเขาในแบบที่เขาเป็นไปอีกนานเท่านาน

เรื่องราวของพอล สโคลส์เกิดขึ้นจากการเป็นเด็กปั้นยูไนเต็ดและจบลงด้วยการเป็นตำนานแห่งยูไนเต็ด และไม่ว่าสิ่งที่ผู้คนกล่าวถึงเขาจะเป็นความจริงหรือเป็นการอวยเกินกว่าที่เขาเป็น แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องจริงก็คือ คำพูดเหล่านั้นมันไม่เคยออกมาจากปากของตัวเขาเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่นักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดกองกลางของโลกเหล่านั้น ที่ยกให้เขาเป็นกองกลางที่ดีเหนือกว่าตน และนั่นจึงทำให้เขาได้ชื่อว่า “เป็นสุดยอดกองกลาง ในสายตาของสุดยอดกองกลางระดับโลก” อย่างแท้จริง

Tagged , ,