สิ่งที่ไรอัน กิ๊กส์สร้างไว้ให้กับปีศาจแดง ตลอดอาชีพนักฟุตบอลของเขา มันมากมายและยากเกินกว่าจะมีใครซักคนทำได้ และมันทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล สำหรับเรื่องราวระหว่างไรอัน กิกส์ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้น เหมือนทั้งสองฝ่ายจะเกิดมาเพื่อกันและกัน เพราะชีวิตนักฟุตบอลทั้งหมดของเขามีเพียงแค่สโมสรเดียวคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็มีเขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลด้วยเช่นกัน ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับยูไนเต็ดในฐานะนักฟุตบอลมันยาวนานถึง 27 ปี ซึ่งถ้าเทียบกับอายุปัจจุบันของเขา มันนานเกินครึ่งชีวิตไปมากเลยทีเดียว และเส้นทางฟุตบอลทั้งหมดของเขา มันเริ่มขึ้นและจบลงในสถานที่แห่งเดียวกัน จุดเริ่มต้นของไรอัน กิ๊กส์กับยูไนเต็ด แรกเริ่มเดิมทีนั้นเรื่องราวของไรอัน กิ๊กส์ อาจจะไม่ได้เดินสู่การเป็นตำนานบนเส้นทางที่เป็นสีแดง ถ้าไม่มีชายที่ชื่อว่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะเดิมทีตัวของเขาเป็นเด็กน้อยฝีเท้าดีวัยสิบสี่ ในศูนย์ฝึกเยาวชนของฝั่งสีฟ้าคู่อริร่วมเมือง แต่ก็ได้ท่านเซอร์ (ในขณะที่ยังไม่ติดยศ) ที่ติดใจในฝีเท้าเด็กคนนี้อย่างมาก จนแอบดอดไปเคาะประตูบ้านคุยกับผู้ปกครองและรับรองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลลูกให้อย่างดี นั่นจึงเป็นเหตุให้เขาได้ย้ายข้ามศูนย์ฝึกมาอยู่กับฝั่งสีแดง เขาคือหนึ่งในกลุ่มเด็กนรก คลาส ออฟ 92 อันลือลั่นของท่านเซอร์ แต่ด้วยความโดดเด่นเกินหน้าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทำให้เขาถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ก่อนคนอื่นในคลาส โดยเขาได้รับการเสนอสัญญาในเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 17 ปีพอดี และในฤดูกาลเพียงแค่หนึ่งฤดูกาลหลังจากนั้น เขาก็สถาปนาตัวเองขึ้นไปเป็นกำลังหลักของทีมได้อย่างเป็นทางการ และนับจากนั้นมาเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ของเขาก็เริ่มขึ้น เรื่องราวของตำนานที่ชื่อไรอัน กิ๊กส์ สำหรับเรื่องราวบนเส้นทางลูกหนังของไรอัน กิ๊กส์นั้นอาจไม่มีการเดินทางการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นเหมือนใครหลายคน เพราะทีมเดียวที่เขาเล่นให้ก็คือยูไนเต็ด แต่สิ่งที่ทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็นตำนานแห่งทัพปีศาจแดงก็คือในส่วนของความจงรักภักดี ความสามารถ และความสำเร็จต่างหากที่ทำให้เขาก้าวขึ้นไปอยู่ตรงจุดนั้น 1.เกียรติยศบนเส้นทางลูกหนัง นับตั้งแต่ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เพียงแค่ฤดูกาลที่สามเท่านั้น ซึ่งก็ตรงกับปีแรกที่เปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่นหนึ่งมาเป็นพรีเมียร์ลีก…
Tag: ฟุตบอล
ริคาร์โด้ กาก้า เพลย์เมคเกอร์ผู้ได้ฉายาว่า เทพบุตรกาแฟ
ถ้าจะหานักฟุตบอลฝีเท้าดีซักคนในประเทศบราซิลคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าจะจะเอาแบบดีทั้งฝีเท้าและหน้าตา ชื่อแรกที่จะคิดถึงคงต้องเป็นริคาร์โด้ กาก้าอย่างแน่นอน ริคาร์โด้ ไอแซคซอน ดอส ซานโตส เลเต้ หรือ “กาก้า” นั้น นับเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่งในประเทศบราซิล เขาประสบความสำเร็จทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร รวมทั้งรางวัลส่วนตัวต่าง ๆ อีกมากมายหลายรายการ ระดับที่ต้องบอกว่าเขาคือหนึ่งในผู้เล่นระดับเวิร์ลด์คลาส ในช่วงยุคเริ่มต้นปี 2000 เลยก็ว่าได้ นิยามของชายที่ชื่อว่า “ริคาร์โด้ กาก้า” อย่างที่เราเห็นกันว่า “กาก้า” นั้นเป็นนักฟุตบอลที่เพียบพร้อมไปด้วยทั้งฝีเท้าและหน้าตา จนมีคนตั้งฉายาให้เขาว่า “เจ้าชายแห่งดินแดนกาแฟ” (ยังกับชื่อซีรีส์เกาหลี) ส่วนคำนิยามในการเล่นฟุตบอลของเขานั้นเอาแบบสั้น ๆ และได้ใจความคงจะต้องบอกว่า “เขาเล่นง่าย แต่หยุดเขายาก” สาเหตุที่ต้องนิยามการเล่นของเขาแบบนั้นก็เพราะว่า เขาเป็นนักฟุตบอลที่ไปกับบอลได้ดี สามารถพาบอลทะลุทะลวงแนวรับได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องอาศัยการสับขาหลอกให้งงใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ใช้การเตะกระชากหนีไปซึ่ง ๆ หน้านี่แหละ แต่ด้วยความเร็วและความฉลาดในการชิงจังหวะก่อนคู่แข่งเสมอ ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะหยุดการกระชากของเขาโดยที่ไม่ทำฟาล์ว ซึ่งการทะลุทะลวงของเขานั้นก็ถูกนำไปต่อยอดด้วยการจบสกอร์และจ่ายให้เพื่อนร่วมทีม ที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยตำแหน่งการเล่นของเขาก็คือตรงกลางสนาม ไล่ตั้งแต่มิดฟิลด์ตัวกลาง ไปจนถึงตำแหน่งหน้าต่ำซึ่งทำให้ความสามารถของเขาทำอันตรายให้กับแนวรับของคู่แข่ง ในพื้นที่อันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นทางสายฟุตบอลของกาก้า สำหรับเส้นทางสายอาชีพนักฟุตบอลของกาก้านั้น ก็เหมือนกับเด็กชาวบราซิลผู้หลงใหลในกีฬาฟุตบอลทั่วไป ที่เริ่มต้นจากความชื่นชอบฟุตบอลในวัยเด็ก ต่อยอดสู่เส้นทางการเป็นยอดนักเตะระดับโลก แต่สำหรับเขาอาจจะดูดีกว่าคนอื่นตรงที่มีครอบครัวที่พร้อมจะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องเสียสมาธิไปกับสิ่งอื่น ทำให้เขาโฟกัสเพียงแค่การเรียนและฟุตบอลได้อย่างเต็มที่…
ซีเนดีน ซีดาน ตำนานกองกลางที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ถ้าหากได้ดูการเล่นของซีเนดีน ซีดาน คุณจะเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่เขาทำในสนาม และลีลาที่พลิ้วไหวสง่างามของเขา มันเต็มไปด้วยพลังการทำลายเกมรับของฝั่งตรงข้าม ถ้าหากไปถามแฟนบอลซักคนหนึ่งในโลกใบนี้ ที่ได้สัมผัสกับเกมฟุตบอลในช่วงปี 2000 ว่าเขาคิดว่ากองกลางคนไหนที่เขาคิดว่าเก่งที่สุดในโลก เชื่อว่าแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่าง จะพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคนนั้นก็คือ “ซีเนดีน ซีดาน” จอมทัพทีมชาติฝรั่งเศสอย่างแน่นอน นั่นเพราะแฟนบอลกลุ่มนั้นต่างก็เคยได้ชมฝีเท้าที่พลิ้วไหว สง่างามราวกับชมการร่ายรำ แต่มันกับเต็มไปด้วยประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเกม และการเอาชนะเกมรับฝั่งตรงข้ามซึ่งเขาทำมันครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านผู้เล่นที่ถูกส่งมาประกบเขาคนแล้วคนเล่า อย่างไม่รู้จักเบื่อนั่นจึงทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็น “กองกลางที่ดีที่สุด” เท่าที่โลกฟุตบอลเคยมีมาเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำซีเนดีน ซีดานในฐานะตำนาน ซีเนดีน ซีดาน เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ครบเครื่องที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทักษะของเขาเวลาเล่นกับลูกบอลนั้นมันช่างมหัศจรรย์อย่างมาก บอลคอนโทรลของเขาก็น่าเหลือเชื่อ มันเหมือนกับว่าลูกฟุตบอลกับเขาเข้าใจกันและกันราวกับเพื่อนซี้ มีหลายครั้งที่แฟนบอลต้องอ้าปากค้างกับเพียงแค่จังหวะเอาบอลลงพื้นของเขา และสำหรับหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของเขาอย่างการสร้างสรรค์เกมรุกนั้น เขาก็ทำมันออกมาได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอลสั้นหรือยาว การล่อหลอกให้เกมรับเสียทรงก่อนที่จะจ่ายบอลสวย ๆ ให้กับเพื่อนร่วมทีม และนอกจากในด้านการจ่ายบอลแล้ว การยิงของเขาก็อยู่ในระดับที่กองหน้าหลาย ๆ คนอาย เพราะเขายิงได้ทั้งซ้ายและขวา ในกรอบและนอกกรอบ ลูกนิ่งอย่างฟรีคิกหรือลูกที่ลอยอยู่บนอากาศก็ไม่เกี่ยงทั้งเท้าทั้งหัว บอกได้คำเดียวว่า “เพอร์เฟ็กต์” ตั้งแต่ปลายเท้ายันปลายผมเลยก็ว่าได้ ถ้าใครที่ไม่เคยเห็นการเล่นของเขาคงจะหาว่าพูดเกินจริงก็เป็นได้ แต่สิ่งเหล่านี้มันล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น และทุกสิ่งที่เขาทำเขาทำมันโดยที่เขาไม่ได้มีความรวดเร็วเท่าเมสซี่ หรือมีร่างกายมหัศจรรย์เหมือนโรนัลโด้ แต่ที่เขาทำแบบนั้นได้ มันมาจากทักษะที่ยอดเยี่ยมในการคอนโทรลบอล บวกกับความฉลาดในการเล่นกับจุดอับของคู่ต่อสู้ นั่นทำให้แทบจะไม่มีใครหยุดเขาได้ในสนาม เส้นทางสู่ตำนานของซีเนดีน ซีดาน ด้วยความที่เป็นสุดยอดผู้เล่นของโลก นั่นทำให้ซีเนดีน ซีดาน…
พอล สโคลส์ ผู้เป็นสุดยอดกองกลาง ในสายตาเหล่าสุดยอดกองกลาง
ครั้งหนึ่งมีนักข่าวถามซีเนดีน ซีดานว่ารู้สึกยังไงกับการเป็นกองกลางที่ดีที่สุดในโลก เขากลับตอบนักข่าวไปว่า “ผมไม่รู้หรอก คุณต้องไปถามพอล สโคลส์เอาเอง” เมื่อกล่าวถึง “พอล สโคลส์” มักจะได้ยินผู้คนกล่าวถึงในลักษณะคำชื่นชมเสมอ จนทำให้ใครหลายคนบอกว่าเขาถูกอวยเกินกว่าสิ่งที่เขาเป็น แต่สำหรับเหล่ายอดกองกลางระดับโลกร่วมยุคเดียวกันกับเขา ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือกองกลางที่ดีที่สุดที่เคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นซีดาน, ดาวิดส์, โรนัลดินโญ่ หรือแม้แต่คู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันมาอย่างยาวนานอย่างปาทริค วิเอร่าของไอ้ปืนโต โดยเฉพาะบรรดากองกลางเวิร์ลด์คลาสจากรั้ว ลามาเซียยิ่งแล้วไปใหญ่ เพราะถึงแม้ว่านักข่าวจะเอาเขาไปเปรียบว่าเป็น อันเดรส อิเนียสต้าแห่งเกาะอังกฤษ แต่ในทางกลับกันทั้งซาบี้, อิเนียสต้าหรือแม้กระทั่งลีโอเนล เมสซี่ ยังยกย่องว่าเขานี่แหละคือกองกลางที่นักเตะในลามาเซียใช้เป็นต้นแบบในการเล่น ไม่ว่าใครจะมองและมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับชายผู้นี้ สำหรับแฟนบอลปีศาจแดงแล้วเขาคือกองกลางผู้สร้างประวัติศาสตร์สโมสรในระดับที่สามารถเรียกว่าเป็นตำนานได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ซึ่งนอกจากฝีเท้าและผลงานในสนามแล้ว เขายังมีความจงรักภักดีต่อสโมสรเพียงแห่งเดียว คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง จุดเริ่มต้นของเด็กชายตัวเล็กที่ชื่อพอล สโคลส์ พอล สโคลส์ เข้ามาสู่ความเป็นปีศาจแดงด้วยการเข้าร่วมทดสอบฝีเท้าตั้งแต่อายุเพียงแค่ 13 ปี ซึ่งเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันยอมรับเองเลยว่า ครั้งแรกที่เห็นเด็กคนนั้นเขายังคิดเลยว่าเจ้าหนูสโคลส์ตัวเล็กเกินกว่าที่จะเล่นฟุตบอลได้ แต่ทันทีที่เขาได้ลงไปเล่นกับลูกบอลในสนามความคิดเหล่านั้นก็เปลี่ยนไป และชื่อของเด็กคนนั้นก็ได้ผ่านการทดสอบเข้าสู่ศุนย์ฝึกเยาวชนของทีม เขาใช้เวลาในศูนย์ฝึกเยาวชนของปีศาจแดงหกปีด้วยกัน ก่อนที่จะถูกผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในวัย 19 ปี พร้อมเพื่อนร่วมรุ่น “คลาส ออฟ 92” ที่โด่งดังของยูไนเต็ด และนับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็กลายเป็นหัวใจในผงมิดฟิลด์ผีแดง ในยุครุ่งเรืองของท่านเจ้าพระยาเฟอร์กูสันตลอดมา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหนที่ได้รับมอบหมายเขาก็ทำให้นายใหญ่พอใจได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคู่มิดฟิลด์ตัวกลางกับกัปตันพันธุ์โหดอย่าง “รอย…