ฟุตบอล

อาการบาดเจ็บของเฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปัญหาใหญ่ในการป้องกันแชมป์ของหงส์แดง

ในโลกของฟุตบอลว่าด้วยเรื่องของการเป็นแชมป์แล้วเรามักจะได้ยินคำพูดสุดคลาสสิกอยู่สองอย่างคือ “การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การป้องกันแชมป์นั้นยากยิ่งกว่า” ส่วนอีกประโยคหนึ่งก็คือ “เกมรุกที่ดีจะทำให้คุณเป็นผู้ชนะ แต่เกมรับที่ดีจะทำให้คุณเป็นแชมป์” ดังนั้นเมื่อนำสองประโยคนี้มารวมกันมันจึงทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องที่หนักหนามากเพียงใดสำหรับภารกิจป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกของหงส์แดง ลิเวอร์พูล เมื่อเสียเสาหลักในเกมรับอย่างเฟอร์จิล ฟาน ไดค์ไป และที่สำคัญอาจจะเสียเขาไปตลอดฤดูกาลเลยก็ได้ แม้แต่เหล่านักพนันตัวยงยังหวั่นใจ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังตัวแกร่งชาวดัตช์นั้นได้รับอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกขาด หลังจากปะทะอย่างรุนแรงกับจอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูของเอฟเวอร์ตัน ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์นัดล่าสุด ซึ่งผลการแข่งขันทั้งสองทีมเสมอกันไป 2-2 แบบที่นักพนันทั่วโลกต่างเจ็บใจที่สุด เพราะนอกจากจะเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่างฟาน ไดค์แล้ว พวกเขายังโดนวีเออาร์ปฏิเสธประตูชัยจากการที่แขนเสื้อของมาเน่ล้ำหน้าไปอีกด้วย หลังได้รับการตรวจอย่างละเอียดหลังเกม เป็นที่ยืนยันแล้วว่าอาการของฟาน ไดค์นั้นต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัดซึ่งผลที่จะตามมาก็คือเขาจะไม่สามารถลงสนามให้ลิเวอร์พูลราว 7 เดือนหรืออาจจะยาวไปถึงปิดฤดูกาลเลยทีเดียว และมันก็เสียหายมากกว่าเพียงแค่การถูกปฏิเสธประตูชัยของพวกเขาแน่ เพราะการไม่มีกองหลังอย่างเขาคอยคุมแนวรับนั้นมันมีผลทั้งในด้านรูปเกมของหงส์แดง รวมไปถึงเรื่องของสภาพจิตใจอีกด้วย เพราะแน่นอนว่าการมีกองหลังที่เชื่อใจได้อย่างเขาอยู่มันทำให้แผงเกมรุกที่ดุดันของลูกทีมเจอร์เกน คล็อปป์สามารถบุกตะลุยไปข้างหน้าได้อย่างเต็มกำลังไม่ต้องคอยห่วงเกมรับนั่นเอง แต่หลังจากนี้มันจะอ่อนลงไปอย่างมากและทำให้พวกเขาต้องระวังเกมสวนกลับของคู่ต่อสู้มากขึ้นตามไปด้วยแน่นอน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ นั้นไม่ใช่กองหลังทั่ว ๆ ไปที่จะหาใครมาแทนเขาได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่อดูจากตัวเลขสถิติการดวลกับกองหน้าคู่แข่งของเขาที่ไม่ว่าจะเป็นลูกกลางอากาศอันเป็นจุดเด่นหรือการปะทะบนภาคพื้นดิน เขามีเปอร์เซ็นต์ชนะสูงเกือบ 75 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ดังนั้นการเสียเขาไปครั้งนี้มันย่อมสร้างช่องโหว่ขนาดใหญ่ให้กับทีมของเจอร์เกน คล็อปป์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมช่วงเวลาการบาดเจ็บก็ดันเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลที่ตลาดนักเตะพึ่งจะปิดไปหมาด ๆ อีกด้วยทำให้จะหาตัวแทนเขาในเวลานี้เป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก ยังไงแฟนหงส์แดงและเซียนพนันทั้งหลาย คงจะต้องหวังพึ่งแท็กติกของยอดกุนซืออย่างคล็อปป์ในการที่จะใช้ผู้เล่นคนอื่นประคองเกมรับในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ จนกว่าตลาดจะเปิดอีกครั้งหรือจนกว่าเฟอร์จิล ฟาน ไดค์…

Continue Reading

ฟุตบอล

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ว่าที่กัปตันชุดประวัติศาสตร์ของหงส์แดง

สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษฤดูกาล 2019-2020 นี้ ที่กำลังประสบปัญหาเรื่องไวรัส โควิด-19 เล่นงานจนต้องหยุดพักไป และยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรต่อ มีทั้งกระแสให้จบไปเลยโดยให้โดยยกถ้วยให้กับทีมที่นำจ่าฝูงอยู่ อย่างลิเวอร์พูลไปเลย หรือกลับมาแข่งต่อหลักเรื่องราวไวรัสคลี่คลายไปได้ แต่ไม่ว่าจะทางไหน ตำแหน่งแชมป์ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนมืออย่างแน่นอน เพราะลิเวอร์พูลต้องการอีกเพียงแค่ 6 แต้มเท่านั้นจากโปรแกรม 10 นัดที่เหลือ นั่นเท่ากับว่าช่วงเวลาอันยาวนานแห่งการรอคอยแชมป์ลีกของพลพรรคหงส์แดงกำลังจะสิ้นสุดลง และชายผู้ที่จะนำทีมขึ้นรับถ้วยประวัติศาสตร์ใบนี้ คือกัปตันเฮนโด้ จอร์แดน เฮนเดอร์สันนั่นเอง แต่กว่าที่เขาจะมายืนในจุดนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จอร์แดน เฮนเดอร์สันเริ่มต้นเส้นทางการเล่นฟุตบอลอาชีพของเขา ในอคาเดมี่ของทีมซันเดอร์แลนด์ ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลในปี 2011 ด้วยค่าตัวสูงถึง 20 ล้านปอนด์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่ามันเป็นจำนวนเงินที่มากเกินไป สำหรับฝีเท้าอย่างเขา และการเข้ามาเป็นเพียงแค่อะไหล่ของกัปตันทีมในช่วงนั้นอย่างสตีเว่น เจอร์ราร์ด และสไตล์การเล่นของเขาก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรโดดเด่นเลยด้วยซ้ำ ไม่มีการจ่ายบอลที่แม่นยำ ไม่มีลูกคิลเลอร์พาส หรือการยิงไกลได้เป็นกอบเป็นกำแบบที่เจอร์ราร์ดมี ทำให้เสียงดูถูกดูแคลนในตัวเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกัปตันสตีวี่ถึงเวลาต้องอำลาทีมไป แล้วเขาต้องรับช่วงต่อปลอกแขนจากเจอร์ราร์ด ความกดดันและเสียงวิจารณ์ในตัวเขายิ่งมากขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การยอมแพ้ต่อสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่การออกมาแสดงความน้อยใจ ไม่ใช่การออกมาทะเลาะกับผู้คนที่วิจารณ์เขาให้แฟน ๆ เกลียด แต่สิ่งที่เขาทำคือการก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อม พัฒนาตัวเอง และใส่ความทุ่มเทเต็มร้อยทุกครั้งที่ได้ลงสนาม จนตอนนี้ทุกคนต่างยอมรับในตัวเขา รวมทั้งในทีมชุดปัจจุบัน เกมอันดุดันของลิเวอร์พูลก็ขาดเขาไปไม่ได้แล้วเช่นกัน ลิเวอร์พูลรอถ้วยแชมป์ลีกภายในประเทศ ถ้านับรวมฤดูกาลนี้แล้วก็…

Continue Reading

ฟุตบอล

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เด็กหนุ่มแห่งความภาคภูมิใจของชาวเมืองลิเวอร์พูล

ถ้าจะพูดถึงผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คขวาที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดในช่วงนี้ หนึ่งในชื่อที่อยู่ในลำดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นชื่อของเจ้าหนูเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เด็กปั้นจากอคาเดมี่ของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลอย่างแน่นอน ด้วยผลงานการพิสูจน์ฝีเท้าในสนามของเขา ด้วยความที่เขาอายุยังน้อย และที่สำคัญคือเขาคือเด็กที่เกิดและเติบโตมาในเมืองลิเวอร์พูล ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจคนใหม่แห่งถิ่นแอนฟิลด์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1998 ในย่านเวสต์ดาร์บี้ เมืองลิเวอร์พูล เขาเติบโตขึ้นมากับความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลเช่นเดียวกับเด็ก ๆ ในละแวกบ้าน ทุก ๆ วันสิ่งที่เขาทำคือการเล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนานและใฝ่ฝันจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ตามประสาเด็กที่เติบโตมาในดินแดนแห่งฟุตบอล เขาได้เข้าร่วมโครงการปั้นเยาวชนของลิเวอร์พูลตั้งแต่อายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น และที่ศูนย์ฝึกเยาวชนนี้ เขาใช้เวลา 12 ปีในการฝึกฝนวิชาลูกหนัง และซึมซับความเป็นลิเวอร์พูลอย่างแท้จริงไว้จนเต็มเปี่ยม เขาโชว์ความสามารถอันโดเด่นกับทีมเยาวชน จนได้รับตำแหน่งกัปตันทีมทั้งในชุดอายุไม่เกิน 16 ปีและ 18 ปี ก่อนที่จะถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปี 2016 ภายใต้การคุมทีมของแบรนดัน ร็อดเจอร์ในวัยเพียง 18 ปี เขาใช้เวลา 4 ฤดูกาลที่ผ่านมาพัฒนาฝีเท้าตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชุดใหญ่ได้อย่างเหนียวแน่น จนตอนนี้ที่เขามีอายุเพียง 21 ปี เขาลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปแล้วถึง 125 นักทุกรายการเรียกได้ว่าเป็นกำลังหลักของทีมชุดลุ้นแชมป์ประวัติศาสตร์นี้เลยก็ว่าได้ เขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คที่ทำได้ดีทั้งในเกมรับ และการเติมเกมบุก โดยเฉพาะในเกมรุกนั้น…

Continue Reading

ฟุตบอล

“ทาคูมิ มินามิโนะ” เครื่องจักรสีแดง เมด อิน เจแปน

เป็นอีกครั้งที่ทีมซื้อขายนักเตะของลิเวอร์พูลทำงานได้อย่างรวดเร็วทันใจทั้งแฟนบอลและเซียนพนันบอลทั่วโลก เมื่อพวกเขาจัดการคว้าตัว ทาคุมิ มินามิโนะ มาจากทีมเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ด้วยค่าฉีกสัญญามูลค่าเพียง 7.25 ล้านปอนด์ ทั้งที่มีกระแสข่าวตามสื่อเพียงไม่กี่วัน แถมนักเตะตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่นเองก็อยู่ในความสนใจของทีมนำของยุโรปทั้ง เอซี มิลาน และ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของลิเวอร์พูล ที่ตัดสินใจรวดเร็วเด็ดขาด โดยอาศัยความสัมพันธ์อันดีกับ คริสตอฟ ฟรอนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของซัลซ์บวร์ก หลังจากทั้งสองสโมสรเคยตกลงทำธุรกิจร่วมกันมาแล้วในการย้ายทีมของ ซาดิโอ มาเน่ และ นาบี เกอิต้า และจากการย้ายทีมครั้งนี้ทำให้มินามิโนะกลายเป็นนักเตะเอเชียคนแรกที่จะได้สวมเครื่องแบบหงส์แดง มินามิโนะ เกิดและโตที่เมืองโอซาก้า เขาจึงเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีมเซเรโซ่ โอซาก้า เช่นเดียวกับนักเตะญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง ชินจิ คากาวะ โดยทำได้ 15 ประตู จากการลงสนาม 82 นัด ใน 3 ฤดูกาล ก่อนจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้าแข้งกับเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในศึกออสเตรียบุนเดสลีกา เมื่อปี 2015 และคว้าแชมป์ลีกร่วมกับทีม 5 ฤดูกาลติดต่อกัน ในฐานะตัวรุกมินามิโนะสามารถทำประตูเกินเลขสองหลักได้ตลอด 4 ฤดูกาลหลัง แถมฤดูกาลนี้เขายิงไปแล้ว…

Continue Reading