ฟุตบอล

เอล ฟีโนมีโน่ โรนัลโด้ กองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล

ถ้าคุณเห็นภาพของเขาในปัจจุบัน คุณจะเห็นโรนัลโด้ในสภาพของชายที่อ้วนกลมคนหนึ่งเท่านั้น จะไม่สามารถคิดไปถึงลีลาในสนามหญ้าของเขา ที่เคยโลดแล่นอย่างพลิ้วไหว ผ่านผู้เล่นฝั่งตรงข้ามคนแล้วคนเล่าและส่งลูกบอลไปกองกลับก้นตาข่าย ความสามารถของเขาอยู่ในระดับที่ทุกคนยอมรับว่าดีที่สุดในโลก ไม่มีใครสามารถทำได้อย่างเขาอีกแล้ว จนเขาได้ฉายาว่า เอล ฟีโนมีโน่ หรือชายผู้เป็นปรากฏการณ์ที่นาน ๆ เค้าจะส่งลงมาเกิดบนโลกซักคนหนึ่ง

โรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ เดอ ลิม่า คือชื่อที่ของเขา ชื่อของชายที่แฟนบอลฝั่งตรงข้ามยังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ดูการเล่นของเขา ถึงแม้ว่าจะกลัวทีมของตัวเองพ่ายแพ้ก็ตาม เทคนิคของเขาแพรวพราว ดูลื่นไหลเพลินตาที่สุด การสับขาหลอกที่ยากจะคาดเดา จบสกอร์ได้ดีทุกรูปแบบและทำได้อย่างคมกริบทั้งสองเท้า อีกทั้งเขายังสามารถหาจังหวะจบสกอร์ได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาเห็นช่องว่างที่กองหลังปล่อยให้ เขาสามารถลงโทษความผิดพลาดนั้นทันที ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องเป็นเรื่องปวดหัวของกองหลังทุกคนบนโลก ในการไล่ประกบเขา แม้จะเป็นตำนานกองหลังที่เคยไปถึงแชมป์โลกมาแล้วอย่าง คันนาวาโร่ มัลดินี่ และเนสต้าของอิตาลี หรือกองหลังชุดแชมป์โลกของฝรั่งเศสอย่างเดอไซล์ยี่และตูราม ที่ต่างเข็ดขยาดกับการสับขาหลอกของโรนัลโด้ แต่พวกเขามักจะพูดถึงโรนัลโด้ ในลักษณะชื่นชมในความมหัศจรรย์ ของเขาถึงแม้จะโดนเขาฉีกกระชากเป็นริ้ว ๆ ก็ไม่มีใครกล่าวถึงเขาด้วยความเกลียดชังเลย

รางวัลการันตีความสามารถบนโลกลูกหนังของเขามีมากมายหลายใบ เขาผ่านการเล่นกับหลายสโมสรทั้งครูไซโร่ในลีกบ้านเกิด พีเอสวี ไอน์โฮเฟน ในฮอลแลนด์ บาร์เซโลน่า และมาดริดในสเปน และอินเตอร์ มิลานกับเอซี มิลาน ในอิตาลี เขามีถ้วยรางวัลกับทุกประเทศที่เขาไปอยู่ด้วย ลงสนามทั้งหมดกับทุกทีม 518 นัด กดไป 352 ประตู ส่วนกับทีมชาติโรนัลโด้ ติดทีมชาติ 98 นัด ทำได้ 62 ประตู พาทีมชาติบราซิลได้แชมป์ทวีปอเมริกาใต้ 2 สมัย และแชมป์โลก อีก 2 สมัย โดยเฉพาะแชมป์โลกสมัยที่สองที่จัดแข่งบนแผ่นดินเอเชียนั้น โรนัลโด้พึ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บที่หนักที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลของเขา และมีความสภาพร่างกายแค่ 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะจบทัวร์นาเมนท์ด้วยตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด และแชมป์โลกของเขา ทำให้ได้บัลลงดอร์สมัยที่ 2 ของตัวเขาอีกด้วย

ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะกองหลังทุกคนที่เขาเผชิญหน้า แต่สิ่งที่ปรากฏการณ์อย่างเขาเอาชนะไม่ได้กลับเป็นร่างกายของเขาเอง ด้วยความที่โรนัลโด้ต้องพาร่างกายที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะของเขาไปด้วยความรวดเร็ว ในระดับที่ว่า 10 วินาทีนิด ๆ ในระยะ 100 เมตร ที่ช้ากว่าสถิติโลกนิดหน่อย แต่มันไม่ใช่แค่วิ่ง เขาต้องสับขาหลอกโยกซ้ายขวาเพื่อผ่านกองหลัง ไหนจะเกิดการปะทะกับคู่ต่อสู้อีก สุดท้ายเข่าของเขาก็ไม่ไหว เขาต้องผ่าตัดหนักครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่สามารถกลับมาฟิตเต็มร้อยได้อีกเลย แต่ความฟิตแค่ 60-70 เปอร์เซ็นต์ก็ยังเพียงพอให้ผู้เล่น ระดับพรสวรรค์อย่างเขา ลงเล่นในลีกระดับสูง และทำประตูช่วยทีมเป็นแชมป์ได้ด้วย

แม้ว่าโรนัลโด้จะเลิกเล่นไปแล้ว แต่แฟนบอลทุกคน โดยเฉพาะระดับนักพนันอาชีพยังจดจำลีลาการเล่นอันพลิ้วไหวของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ของวงการฟุตบอลคนนี้ได้ติดตา กองหลังที่เคยเผชิญหน้ากับเขามักจะพูดว่า เขาเล่นอยู่ในยุคเดียวกับเรา และเขาดีที่สุด ดังนั้นในฐานะแฟนบอล ขอบันทึกความทรงจำไว้ว่า เราเกิดในยุคที่ได้เห็น หลุยส์ นาซาริโอ เดอ ลิมา “โรนัลโด้” ชายผู้เป็นปรากฏการณ์ ชายผู้เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ยังโลดแล่นอยู่บนโลกลูกหนัง

เครดิตภาพ : https://www.sanook.com/sport/449125/

Tagged , ,